The past is the past
The past is the past สวัสดีฉันชื่อทับทิม ฉันเป็นเด็กกำพร้าที่เกิดมาไม่เคยเห็นหน้าพ่อหน้าแม่ แต่มาวันนึงฉันก็โชคดีมีผู้มาอุปการะมาขอรับฉันไปเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมนับ ตั้งแต่วันนั้นมาชีวิตฉันก็ดีขึ้นแต่ฉันก็ยังคงไม่มีความสุขอยู่ดี สาเหตุก็เป็นเพราะว่า ตั้งแต่เด็กๆ ฉันมีพลังวิเศษนอกเหนือจากคนอื่น มันเป็นพลังที่เหนือธรรมชาติและไม่ใช่ใครก็สามารถมีได้ ฉันสามารถระลึกชาติได้ ไม่ว่าจะกี่ร้อยกี่พันปีฉันก็รู้ได้ว่าชาติที่แล้วฉันเคยเกิดเป็นอะไร แล้วที่สำคัญกว่านั้นฉันสามารถรู้ได้อีกว่าผู้อื่นมีอดีตอย่างไร เรียกง่ายๆ ว่าฉันสามารถระลึกชาติของผู้อื่นได้ด้วย
“ทับทิม เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องอีกแล้วนะ รีบลงมากินข้าวได้แล้ว”
“ค่ะ ค่ะ”
ตอนแรกฉันคิดว่าการระลึกชาติได้เป็นสิ่งที่โชคดี ฉันภูมิใจในตัวเองที่มีพลังพิเศษเหนือคนอื่นแต่ในทางกลับกันแล้วสิ่งเหล่านี้มันทำให้ฉันไม่มีความสุข เพราะเมื่อฉันเห็นอดีตชาติของคนอื่นที่มันเกี่ยวข้องกับตัวฉันมันก็ทำให้ฉันรู้สึกไม่ดีกับคนคนนั้น เพราะทุกคนที่ฉันได้พบเจอในชาตินี้ล้วนแล้วแต่เคยทำร้ายฉันในชาติก่อน รวมถึงพ่อแม่บุญธรรมของฉันด้วย
ชาติที่แล้วที่ฉันสามารถรู้ได้คือ พ่อแม่บุญธรรมของฉันเคยเป็นเศรษฐีใหญ่ พวกเขามีฉันเป็นทาสรับใช้ พวกเขาใช้ฉันอย่างกับหมูกับหมา ทุบตีฉันราวกับว่าฉันไม่ใช่คน ฉันโกรธมากเมื่อได้เห็นแบบนั้นแต่ฉันก็ไม่ได้เล่าให้พวกเขาฟังเพราะฉันรู้ว่าพวกเขาจะไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด ฉันจึงได้แต่เก็บเรื่องนี้ไว้คนเดียวเเละมันก็เป็นความทุกข์ใจมากที่สุด ความโกรธที่มีตั้งแต่ชาติที่แล้วส่งผลมาถึงปัจจุบัน ฉันโกรธพวกเขาทั้งสองมากแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากคำกริยาที่ไม่น่ารักใส่พวกเขา
“ทับทิมเดี๋ยวพรุ่งนี้ ออกไปทำธุระข้างนอกเป็นเพื่อนแม่หน่อยนะ”
“ไม่ว่างค่ะ ทำการบ้าน”
“โกรธอะไรพ่อกับแม่หรือเปล่า ตั้งแต่รับมาจากบ้านเด็กกำพร้าก็ทำตัวแปลกๆ ดูไม่ค่อยอยากคุยกับพ่อแม่ หนูไม่พอใจอะไรพวกเราหนูก็บอกมาได้นะ”
“หนูไม่ชอบ พาหนูกลับไปส่งบ้านเด็กกำพร้าเถอะค่ะ หนูไม่อยากมีพ่อแม่แบบนี้”
“ทับทิมพ่อกับแม่ไปทำอะไรให้”
“ช่างมันเถอะค่ะพูดไปพ่อกับแม่ก็คงไม่เข้าใจ เอาเป็นว่าพวกเรา 3 คนไม่ถูกกัน ไม่ควรเป็นพ่อแม่ลูกกัน หนูพูดแค่นี้หวังว่าคงจะเข้าใจ”
“ช่างเถอะเอาเป็นว่าถ้าทับทิมไม่พอใจพ่อกับแม่จะไปส่งทับทิมที่บ้านเด็กกำพร้าก็ได้ ถ้าทับทิมอยู่ที่นี่แล้วไม่มีความสุขพ่อกับแม่ก็จะไม่ฝืน แต่ว่าพรุ่งนี้ทับทิมต้องไปทำธุระเป็นเพื่อนแม่ห้ามปฏิเสธ”
“อืม”
ระหว่างทางนั่งรถไปทำธุระกับแม่ฉันก็เห็นวัดเเห่งหนึ่ง ฉันรู้สึกว่าฉันอยากจะเข้าไปทำบุญที่วัดนี้มาก เเล้วอยู่ๆ ภาพของอดีตมันก็ผุดขึ้นมาในหัวฉัน วัดนี้เป็นวัดที่ชั้นเคยเข้ามาทำบุญ เป็นวัดที่ฉันเข้ามาพึ่งพิงเวลาที่มีความทุกข์ ภาพที่ฉันเห็นเป็นภาพที่ฉันกำลังไหว้พระและนั่งสงบสติอารมณ์หน้าพระพุทธรูปองค์ใหญ่
“เดี๋ยว เดี๋ยว แม่จอดก่อน”
“จอดทำไมแม่จะรีบไปทำธุระ”
“หนูบอกให้แม่จอด จอดตรงนี้แหละแล้วแม่ก็ไปทำธุระเลย หนูไม่หนีไปไหนหรอกถ้าแม่ทำธุระเสร็จก็กลับมารับหนู”
“เดี๋ยว เราจะไปไหนจะอยู่กับใคร”
“หนูจะเข้าไปทำบุญในวัด”
“งั้นเดี๋ยวพาแม่ไปทำธุระก่อน แล้วแม่จะพากลับมาใหม่”
“ไม่เอา แม่รีบไปทำธุระของแม่เถอะ”
หลังจากที่ลงรถฉันก็รีบเดินเข้าไปในวัดและภาพต่างๆ ก็ผุดขึ้นมาในหัวมากมาย ฉันเดินไปไหว้พระพุทธรูปองค์ใหญ่แล้วบังเอิญได้เจอกับหลวงพ่อรูปหนึ่งที่ชราภาพมากแล้ว ท่านเดินมาพูดคุยกับฉัน
“มัวแต่ยึดติดกับอดีตไม่อยู่กับปัจจุบันชีวิตนี้ก็จะไม่มีวันพบความสุขนะโยม อดีตเป็นสิ่งที่ผ่านไปแล้ว เป็นสิ่งที่เราแก้ไขไม่ได้ เราไม่ควรยึดติดกับมันจนทำให้เราทุกข์ใจ สิ่งที่สำคัญคือปัจจุบัน เราควรทำปัจจุบันให้ดีใช้ชีวิตให้มีความสุข เพราะทุกอย่างมันไม่แน่นอนเวลาของคนเรานั้นสั้นนัก ถ้าหากเรามัวแต่ยึดติดกับอดีตแล้วเก็บมาเป็นความทุกข์ใจมันก็จะเป็นการเสียเวลาเปล่า สุดท้ายแล้วยึดติดไปเราก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อยู่ดี”
หลังจากที่หลวงพ่อพูดจบหลวงพ่อก็เดินหนีฉันไป ประโยคที่หลวงพ่อพูดมันทำให้ฉันได้ฉุกคิดอะไรหลายๆ อย่างฉันมัวแต่ยึดติดกับอดีตโดยที่ไม่สนใจปัจจุบันแม้แต่น้อย ความทุกข์ของฉันเกิดจากอดีตที่ฉันไม่สามารถแก้ไขได้ แต่สิ่งที่ฉันสามารถแก้ไขได้คือปัจจุบันและการอยู่กับปัจจุบันก็จะทำให้ฉันมีความสุขมากกว่านี้
ดังนั้นฉันจึงเลือกที่จะปล่อยวางทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับฉันในอดีต ถึงฉันจะเป็นคนที่สามารถระลึกชาติได้แต่ฉันก็ไม่จำเป็นต้องเก็บเรื่องราวในอดีตมายึดติดจนทำให้ไม่มีความสุข ชีวิตของฉันยังคงต้องดำเนินต่อไป ต้องอยู่กับปัจจุบัน ไม่ว่าใครจะเคยทำอะไรกับฉันไว้ในอดีตฉันก็จะไม่เก็บมาโกรธเก็บมาแค้นอีกต่อไปเพราะมันจบไปแล้ว เรื่องราวเหล่านั้นมันผ่านมานานแล้ว ฉันควรที่จะให้อภัยและเริ่มต้นใหม่ในชีวิตใหม่
“พ่อ แม่ หนูขอโทษนะคะที่หนูทำกิริยาก้าวร้าวใส่ ตอนนั้นหนูยังทะเลาะกับตัวเองภายในจิตใจอยู่ก็เลยทำตัวไม่น่ารักออกไป แต่ตอนนี้หนูคิดได้แล้วพ่อกับแม่ให้ความรักและความอบอุ่นหนูเหมือนกับหนูเป็นลูกในไส้ หนูก็ควรจะกตัญญูไม่ควรทำตัวแบบนั้น หนูขอโทษนะคะ”
“ทับทิมพ่อกับแม่ไม่เคยโกรธหนูเลยนะ พ่อกับแม่เพียงอยากให้หนูมีความสุข”
“ขอบคุณมากนะคะที่เมตตาหนู หนูรักพ่อกับแม่นะคะ”
“พ่อกับแม่ก็เช่นกันนะ”
ฉัน พ่อ แม่ พวกเรา 3 คนเป็นครอบครัวที่อบอุ่น ฉันได้รับความสุขจากการเลี้ยงดูของพ่อกับแม่ทั้งสอง พวกเขารักและเอ็นดูฉันจนฉันรู้สึกว่าฉันเป็นเด็กที่โชคดีมากที่ได้มีพ่อกับแม่บุญธรรมแบบนี้ ถ้าหากฉันรู้ว่าการปล่อยวางเรื่องราวในอดีตแล้วมันจะทำให้ฉันมีความสุขมากขนาดนี้ ฉันจะปล่อยวางมันตั้งแต่ที่ฉันจำความได้ แล้วจะไม่มีทางยึดติดกับอดีตอันเลวร้ายของฉันเด็ดขาด